วันที่ 28 พฤษภาคม 2562
เปิดตัวเลขดุลการค้า Q1 ไทย-อาเซียน สศก. เผย ไทยได้ดุล 53,244 ล้านบาท
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์การนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรไทยกับอาเซียน ในช่วงไตรมาสแรก ปี 2562 (ม.ค. - มี.ค.62) พบว่า ไทยยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าในอาเซียน คิดเป็นมูลค่า 53,244 ล้านบาท โดยสินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ น้ำตาล อาหารปรุงแต่งจากเนื้อปลา เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ข้าวเจ้าและข้าวหอมมะลิ ผลไม้ และยางพาราธรรมชาติ สำหรับสินค้าที่ไทยนำเข้า ได้แก่ ปลาและสัตว์น้ำ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ อาหารปรุงแต่ง วัตถุปรุงแต่งอาหาร ของปรุงแต่งจากผักและผลไม้ เป็นต้น
การค้าสินค้าเกษตร (พิกัดศุลกากร 01 – 24) และยางพาราธรรมชาติ (พิกัดศุลกากร 4001) ในช่วงมกราคม – มีนาคม 2562 จากไทยไปยังอาเซียน พบว่า มูลค่าการค้ารวม 107,160 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.56 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 โดยมี มูลค่าการส่งออก 80,202 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.08 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 และมูลค่าการนำเข้า 26,958 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.69 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561 อย่างไรก็ดีในภาพรวมแล้วไทยได้เปรียบดุลการค้าอาเซียนเป็นมูลค่า 53,244 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.02 จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2561
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและยางพาราธรรมชาติของไทยไปยังอาเซียนเป็นรายประเทศ พบว่า ไทยส่งออกไปยังเวียดนามมีมูลค่าเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22 รองลงมา ได้แก่มาเลเซีย ร้อยละ 17 อินโดนีเซีย ร้อยละ 16 กัมพูชา ร้อยละ 12 ตามลำดับ และหากพิจารณาดุลการค้า พบว่า ไทยได้เปรียบดุลการค้าของสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เวียดนามเป็นอันดับหนึ่ง โดยคิดเป็นมูลค่าที่ได้เปรียบดุลการค้าเท่ากับ 13,154 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ มาเลเซีย 10,146 ล้านบาท อินโดนีเซีย 7,698 ล้านบาท กัมพูชา 5,892 ล้านบาท และฟิลิปปินส์ 5,569 ล้านบาท ตามลำดับ
มูลค่าการค้าสินค้าเกษตรและยางพาราธรรมชาติระหว่างไทยกับอาเซียน (ม.ค.–มี.ค. 62)
ประเทศ |
การส่งออก |
การนำเข้า |
สัดส่วนมูลค่า |
ดุลการค้า |
ปริมาณ (ตัน) |
มูลค่า (ล้านบาท) |
ปริมาณ (ตัน) |
มูลค่า (ล้านบาท) |
การส่งออก (ร้อยละ) |
(ล้านบาท) |
เวียดนาม |
331,548 |
17,667 |
84,158 |
4,512 |
22.03 |
13,154 |
มาเลเซีย |
595,458 |
13,852 |
71,912 |
3,705 |
17.27 |
10,146 |
อินโดนีเซีย |
1,022,552 |
12,469 |
300,972 |
4,771 |
15.55 |
7,698 |
กัมพูชา |
171,082 |
9,790 |
730,013 |
3,898 |
12.21 |
5,892 |
ฟิลิปปินส์ |
373,448 |
7,159 |
12,186 |
1,590 |
8.93 |
5,569 |
เมียนมา |
147,415 |
8,414 |
145,238 |
3,059 |
10.49 |
5,355 |
ลาว |
120,778 |
6,248 |
474,828 |
2,280 |
7.79 |
3,969 |
สิงคโปร์ |
101,950 |
4,220 |
17,355 |
3,142 |
5.26 |
1,078 |
บรูไน ดารุสซาลาม |
11,222 |
383 |
- |
- |
0.48 |
383 |
รวม |
2,875,453 |
80,202 |
1,836,662 |
26,958 |
100.00 |
53,244 |
นอกจากการติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างไทยกับอาเซียนแล้ว สศก. ยังได้ติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างไทยกับตลาดหลักที่เป็นคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป และจีน โดย พบว่า ไตรมาส 1 ปี 2562 ไทยได้เปรียบดุลการค้า จีน จำนวน 31,861 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา จำนวน 11,564 ล้านบาท ญี่ปุ่น จำนวน 35,200 ล้านบาท และสหภาพยุโรป จำนวน 18,215 ล้านบาท ซึ่งช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 สถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยมีทิศทางดีขึ้น มีการขยายตัวของการส่งออกในตลาดอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลดลง แต่การส่งออกไปยังตลาดจีนนั้น ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ซึ่งอาจเป็นผลกระทบจากนโยบายตอบโต้สงครามการค้าของจีน ที่มีการพึ่งพาตนเอง บริโภคสินค้าภายในประเทศ และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยควรขยายตลาดสินค้าเกษตรสำคัญๆ เช่น กลุ่มผลไม้ ไปยังตลาดอื่นๆ ให้มากยิ่งขึ้นเพื่อทดแทนการพึ่งพาตลาดจีน และลดการแข่งขันกับประเทศเวียดนามที่เป็นคู่แข่งของไทยในกลุ่มสินค้าผลไม้ โดยมีข้อได้เปรียบไทยในเรื่องการมีพรมแดนติดกับจีน จึงทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งที่ต่ำกว่า และมีระยะเวลาการขนส่งน้อยกว่า
***********************************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : กองเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ