1. เปลี่ยนการแสดงผล :
    2. C
    3. C
    4. C
    5. C
    6. ตัวช่วยการเข้าถึงเว็บไซต์
    7. แผนผังเว็บไซต์
    8. EN
    9. TH
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
Ministry of Agriculture and Cooperatives
เผยสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา 5 จ. เหนือตอนล่าง ย้ำเกษตรกรต้องเฝ้าระวังหนอนกระทู้
18 ก.พ. 2562
1,028
0
เผยสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา 5 จ. เหนือตอนล่าง ย้ำเกษตรกรต้องเฝ้าระวังหนอนกระทู้
เผยสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา
เผยสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา 5 จ. เหนือตอนล่าง ย้ำเกษตรกรต้องเฝ้าระวังหนอนกระทู้

           วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562

 

เผยสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา 5 จ. เหนือตอนล่าง ย้ำเกษตรกรต้องเฝ้าระวังหนอนกระทู้ 

นางอัญชนา  ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา ปีเพาะปลูก 2561/62  ที่ปลูกระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2561 ถึง กุมภาพันธ์ 2562  ซึ่งปีนี้ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกแทนข้าวรอบ 2 (ข้าวนาปรัง) โดยมี 4 มาตรการจูงใจ ได้แก่ สนับสนุนสินเชื่อเป็นค่าปัจจัยการผลิตดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 0.01 ต่อปี ให้สินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรับซื้อผลผลิต มีประกันภัยกรณีเกิดภัยพิบัติ พร้อมทั้งภาครัฐประสานเอกชนให้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามคุณภาพ  โดยกำหนดราคา ณ ความชื้น 14.5% ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 8 บาท (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีเป้าหมายส่งเสริมเนื้อที่ปลูก 2 ล้านไร่  ใน 33 จังหวัด

จากการติดตามสถานการณ์การผลิตในภาคเหนือตอนล่างของแหล่งผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่สำคัญใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเพชรบูรณ์ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิจิตร และอุทัยธานี พบว่า มีเนื้อที่ปลูกทั้ง 5 จังหวัด รวม 2.78 แสนไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 38 โดยข้อมูลจากเกษตรกรขึ้นทะเบียนข้าวโพดหลังนา กับกรมส่งเสริมการเกษตร(ณ 11 กุมภาพันธ์ 2562) พบว่า

เพชรบูรณ์ มีเนื้อที่เพาะปลูก 101,589 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48  นครสวรรค์ มีเนื้อที่เพาะปลูก 83,290 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 กำแพงเพชร มีเนื้อที่เพาะปลูก 42,799.04 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 อุทัยธานี มีเนื้อที่เพาะปลูก 21,292 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14  และ พิจิตร มีเนื้อที่เพาะปลูก 29,067 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 52  ซึ่งจะเห็นว่าภาพรวมทั้ง 5 จังหวัดมีเนื้อที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากเกษตรกรเห็นว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้ผลตอบแทนดีกว่าจึงขยายเนื้อที่ปลูก ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมด้านตลาดนำการผลิตที่ชัดเจน ประกอบกับฤดูที่ผ่านมาขายได้ราคาดีจูงใจให้ปลูกมากขึ้น โดยหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวนาปีเกษตรกรได้ทยอยปลูกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง มกราคม และคาดว่าจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนพฤษภาคม โดยผลผลิตจะออกมากสุดเดือนเมษายนประมาณ ร้อยละ 45 ของผลผลิตทั้งหมด

สำหรับราคาขาย (ณ 13 กุมภาพันธ์ 2562) เพชรบูรณ์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.10 บาท ที่ความชื้น 30% ราคากิโลกรัมละ 6.63 บาท นครสวรรค์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.42 บาท ที่ความชื้น 30% ราคากิโลกรัมละ 6.89 บาท กำแพงเพชร ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.33 บาท ที่ความชื้น 30% ราคากิโลกรัมละ  6.82 บาท อุทัยธานี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.45 บาท ที่ความชื้น 30% ราคากิโลกรัมละ 6.92 บาท และ พิจิตร ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้น 14.5% ราคากิโลกรัมละ 8.38 บาท ที่ความชื้น 25% ราคากิโลกรัมละ 6.86 บาท

          ด้านนางพัชรารัตน์  ลิ้มศิริกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 นครสวรรค์ (สศท.12) กล่าวเสริมว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พบว่ามีการระบาดของหนอนกระทู้ Fall armyworm (FAW) ในแปลงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หลังนา ซึ่งจะเข้าทำลายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตั้งแต่อายุ 7 วัน การระบาดระยะต้นอ่อนจะเสียหาย ฝักลีบเล็ก ดังนั้น เกษตรกรควรเฝ้าติดตามสำรวจแปลงปลูกข้าวโพด ซึ่งการระบาดหากพบกลุ่มไข่ ให้ทำลายทิ้ง และใช้แมลงหางหนีบ (ตัวห้ำ)  พบดักแด้ในดิน ทำลายโดยไถพลิกดิน และไถพรวน  หากพบหนอนขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ใช้ชีวภัณฑ์ แมลงมวนพิฆาต (ตัวห้ำ) และสารเคมีตามคำแนะนำ ส่วนตัวเต็มวัย (ผีเสื้อกลางคืน) ให้ทำลายโดยใช้กับดักกาวเหนียว สีเหลืองจำนวน 80 กับดัก/ไร่  ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 จังหวัดนครสวรรค์ โทร. 0 5680 3525 หรือ zone12@oae.go.th นอกจากนี้ สามารถสอบถามโดยตรงสายด่วนหนอนกระทู้ Fall armyworm ของกรมวิชาการเกษตร    โทร. 06 1415 2517 หรือ www.doa.go.th

***********************************

ข่าว  :  ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 12 จังหวัดนครสวรรค์

 

 

 

Loading...
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตกลง