FAO เปิด “พิพิธภัณฑ์อาหารและการเกษตร” แห่งใหม่ ณ กรุงโรม ฉลองครบรอบ 80 ปีการก่อตั้ง
16 ต.ค. 2568
17
0
FAOเปิด“พิพิธภัณฑ์อาหารและการเกษตร”
FAO เปิด “พิพิธภัณฑ์อาหารและการเกษตร” แห่งใหม่ ณ กรุงโรม ฉลองครบรอบ 80 ปีการก่อตั้ง

วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันอาหารโลก องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เปิดตัวพิพิธภัณฑ์และเครือข่ายอาหารและการเกษตรแห่งใหม่ (FAO MuNe) เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีการก่อตั้ง FAO
พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ภายในสำนักงานใหญ่ของ FAO ณ กรุงโรม โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของอิตาลี ภายในพื้นที่กว่า 1,300 ตารางเมตร ครอบคลุม 12 ห้องจัดแสดง พิพิธภัณฑ์ FAO MuNe ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ วัฒนธรรม และนวัตกรรม ที่บอกเล่าเรื่องราวของ “อาหารและการเกษตร” ในฐานะมรดกร่วมของมนุษยชาติ
พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ดร. ฉู ตงหยู (QU Dongyu) ผู้อำนวยการใหญ่ FAO และ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิตาลี เซร์โจ มัตตาเรลลา (Sergio Mattarella)
FAO MuNe รวบรวมเอกสาร ภาพถ่าย และวัตถุจัดแสดงทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนการทำงานของ FAO ตลอด 8 ทศวรรษที่ผ่านมา ควบคู่กับนิทรรศการเชิงโต้ตอบและสื่อมัลติมีเดียที่ชวนให้ผู้เข้าชมตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “อาหาร วัฒนธรรม และโลก”
หัวใจของพิพิธภัณฑ์คือ คอลเลกชันศิลปะกว่า 60 ชิ้นจากประเทศสมาชิก FAO ประมาณ 40 ประเทศ โดยผลงานเด่น ได้แก่
• “Cultivating the Third Paradise” โดย มิเคลันเจโล พิสโตเลตโต (Michelangelo Pistoletto) ซึ่งสื่อถึงการเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติ สังคม และเทคโนโลยีอย่างกลมกลืน
• “Peace with Nature” โดย ปาโบล อัตชูการี (Pablo Atchugarry) ที่สร้างจากต้นมะกอกอายุร้อยปี สื่อถึงสัญลักษณ์แห่งสันติภาพระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงวัฒนธรรมอาหารจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก และพื้นที่ “FoodS Lab – ครัวของโลก” สำหรับการสาธิตทำอาหาร เวิร์กช็อป และกิจกรรมส่งเสริมความเข้าใจด้านโภชนาการ ความยั่งยืน และนวัตกรรมด้านอาหาร
พิพิธภัณฑ์ FAO MuNe มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงมรดกทางการเกษตรเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ ส่งเสริมการเรียนรู้ การแลกเปลี่ยน และความร่วมมือระดับโลก โดยยึดแนวทาง “4 Betters” ของ FAO ได้แก่ Better Production, Better Nutrition, Better Environment และ Better Life ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ปี 2030

ตกลง