1. เปลี่ยนการแสดงผล :
    2. C
    3. C
    4. C
    5. C
    6. ตัวช่วยการเข้าถึงเว็บไซต์
    7. แผนผังเว็บไซต์
    8. EN
    9. TH
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
Ministry of Agriculture and Cooperatives
กระทรวงเกษตรฯ ได้ฤกษ์ปล่อยน้ำทำนาปี เริ่มเพาะปลูก 1 เม.ย.นี้ พร้อมสนับสนุนเกษตกรทำประมงสร้างรายได้ช่วงน้ำหลาก กรมชลฯ เดินหน้าขยายผลบางระกำโมเดลปีที่ 2 หลังประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา
1 เม.ย. 2561
463
0
กระทรวงเกษตรฯได้ฤกษ์ปล่อยน้ำทำนาปี
กระทรวงเกษตรฯ ได้ฤกษ์ปล่อยน้ำทำนาปี เริ่มเพาะปลูก 1 เม.ย.นี้ พร้อมสนับสนุนเกษตกรทำประมงสร้างรายได้ช่วงน้ำหลาก กรมชลฯ เดินหน้าขยายผลบางระกำโมเดลปีที่ 2 หลังประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา

กระทรวงเกษตรฯ ได้ฤกษ์ปล่อยน้ำทำนาปี เริ่มเพาะปลูก 1 เม.ย.นี้ พร้อมสนับสนุนเกษตกรทำประมงสร้างรายได้ช่วงน้ำหลาก กรมชลฯ เดินหน้าขยายผลบางระกำโมเดลปีที่ 2 หลังประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา

           นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก เพื่อประชุมชี้แจงการดำเนินโครงการบางระกำโมเดล ปี 2561 และการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกข้าวฤดูนาปี พื้นที่ลุ่มต่ำในเขตชลประทาน ปี 2561  ณ สำนักงานชลประทานที่ 3 ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ก่อนเดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดการส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกข้าวฤดูนาปี ในพื้นที่ลุ่มต่ำในเขตชลประทาน ปี 2561 ตามโครงการบางระกำโมเดล ปี 2561 ณ บ้านวังขี้เหล็ก ต.ท่าช้าง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก พร้อมพบปะประชาชนในพื้นที่ และมอบนโยบายหารือรับฟังปัญหาจากส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

          รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากประสบผลสำเร็จอย่างน่าพอใจในการดำเนินโครงการบางระกำโมเดลปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งหมด โดยไม่ได้รับความเสียหายใดๆ และในช่วงน้ำหลากยังสามารถใช้พื้นที่เป็นแก้มลิงธรรมชาติรองรับน้ำ ลดความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยในเมืองสุโขทัยพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งในปี 2561 นี้ ได้มอบนโยบายให้กรมชลประทานขยายพื้นที่โครงการฯ เพิ่มขึ้นจากเดิม 265,000 ไร่ เป็น 382,000 ไร่ ทำให้รองรับปริมาณน้ำได้มากกว่า 550 ล้าน ลบ.ม. จากเดิมรับน้ำได้เพียง 400 ล้าน ลบ.ม. พร้อมกับให้ปรับเปลี่ยนปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปี ในปีนี้ให้เร็วขึ้นเริ่มตั้งแต่ 1 เมษายน 2561

          “เชื่อมั่นว่าการปรับเปลี่ยนเวลาเพาะปลูกใหม่นี้จะทำให้เกษตรกรทำการปลูกพืชได้เร็วขึ้นและเก็บเกี่ยวได้ก่อนน้ำหลากมา อีกทั้งพื้นที่นี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะช่วยพื้นที่ตอนล่างไปจนถึงกทม. ไม่ให้น้ำท่วม เนื่องจากจะหน่วงน้ำไว้ได้มากกว่าเดิม นอกจากนี้ในช่วงน้ำหลากพื้นที่ดังกล่าวจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา ชาวบ้านสามารถทำประมงได้ อย่างไรก็ตามปลาที่ได้ในช่วงนี้จะมีราคาถูก จึงได้มีแนวคิดร่วมกันกับกรมประมงว่า ให้เกษตรกรรวมตัวกันเป็นกลุ่ม และให้หน่วยงานเข้าไปสนับสนุนห้องเย็นเพื่อเก็บปลาไว้ขายและแปรรูปในช่วงที่ราคาดี สามารถสร้างรายได้ได้มากกว่าเดิม ที่สำคัญเมื่อรวมเป็นกลุ่มแล้วต้องพัฒนาให้เป็นสหกรณ์ สร้างความเข้มแข็ง จึงจะสร้างอาชีพได้อีกหลากหลาย พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ นำไปประยุกต์ตามได้” นายวิวัฒน์ กล่าว

          ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการบางระกำโมเดล 60 เกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นซ้ำซากในพื้นที่ จ.สุโขทัย และพิษณุโลก เมื่อปี 2559 พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น ได้มอบนโยบายให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันในรูปแบบประชารัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยกรมชลประทาน ได้ปรับเปลี่ยนปฏิทินการปลูกข้าวนาปี ในพื้นที่ลุ่มต่ำเขตชลประทานให้เร็วขึ้น จากเดิมที่เคยปลูกในเดือนพฤษภาคมมาเป็นเดือนเมษายน เพื่อให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ภายในเดือนกรกฎาคม หลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะได้รับจากอุทกภัย และยังใช้พื้นที่นาที่เก็บเกี่ยวแล้วเป็นแก้มลิงธรรมชาติรองรับน้ำในฤดูน้ำหลากได้อีกด้วย ซึ่งกรมชลประทานได้เริ่มปรับเปลี่ยนปฏิทินการเพาะปลูกข้าวนาปีของพื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำให้เร็วขึ้น โดยได้เริ่มเพาะปลูกตั้งแต่ 1 เมษายน 2560 ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย 265,000 ไร่ ในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายมน่าน  โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพลายชุมพล และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนนเรศวร โดยเกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งหมด โดยไม่ได้รับความเสียหายจากปัญหาอุทกภัย

          ทั้งนี้ หลังจากที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วเสร็จทั้งโครงการฯ กรมชลประทาน ได้ใช้พื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งบางระกำ เป็นพื้นที่หน่วงน้ำรองรับปริมาณน้ำหลากจากลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำสาขา ตลอดจนปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่  สามารถนำน้ำเข้าไปกักเก็บไว้ในทุ่งบางระกำและช่วยตัดยอดปริมาณน้ำได้ประมาณ 400 ล้าน ลบ.ม. พร้อมกับควบคุมระดับน้ำไม่ให้กระทบต่อเส้นทางสัญจรหลักของราษฎร ช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในเขตพื้นที่ชุมชน และพื้นที่เศรษฐกิจของ จ.สุโขทัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในระหว่างที่กักเก็บน้ำไว้ในทุ่งบางระกำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้บูรณาการการส่งเสริมอาชีพ โดยนำพันธุ์ปลามาปล่อยลงในทุ่ง ให้เกษตรกรมีอาชีพเสริมในการทำประมง และยังส่งเสริมการแปรรูปผลผลิตจากปลา และผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรและชุมชน ในช่วงฤดูน้ำหลากได้ถึงวันละ 300 - 500 บาท/ครัวเรือน ต่อมาเมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย จึงได้เริ่มระบายน้ำออกจากทุ่งบางระกำ โดยได้คงปริมาณน้ำส่วนหนึ่งไว้ในทุ่ง สำหรับให้เกษตรกรใช้ในการเตรียมแปลงเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 (นาปรัง)

 

Loading...
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตกลง