นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (7 ก.ค. 65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 40,812 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 54 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 35,272 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 9,615 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 15,256 ล้าน ลบ.ม.
อนึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 7 - 10 ก.ค. 65 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ทั้งนี้ จึงได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด พิจารณาปรับการระบายให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือพร้อมให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที พร้อมกำชับให้ตรวจสอบพื้นที่ที่ยังไม่ได้เพาะปลูก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ให้เร่งดำเนินการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวให้เสร็จตามแผนที่กำหนด เพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายจากฤดูน้ำหลาก ตลอดจนปฏิบัติตาม 13 มาตรการ รับมือฤดูฝนปี 2565 ตามที่ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนดอย่างเคร่งครัด