“รมว.อรรถกร” กำชับกรมชลประทานรับมือฤดูฝน บูรณาการทำงานเชื่อมโยงข้อมูลระดับพื้นที่ เพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกรอย่างทันท่วงที
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2568 พร้อมด้วย นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกรมชลประทาน เข้าร่วมและรายงานสถานการณ์น้ำ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ชั้น 3 อาคาร 99 ปี ม.ล.ชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ว่า จากสถานการณ์ฝนที่มาเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักบางพื้นที่ และมีความเสี่ยงต่ออุทกภัย ดังนั้นเพื่อให้การรองรับสถานการณ์ฤดูฝนปีนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตามการบริหารจัดการน้ำให้บูรณาการเชื่อมโยงกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากให้มากที่สุด พร้อมกันนี้ ยังได้กำชับให้กรมชลประทาน บูรณาการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เชื่อมโยงข้อมูลในระดับภูมิภาคเพื่อนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์ วางแผนการจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนและเกษตรกรเฝ้าระวัง เพื่อให้รับมืออย่างทันท่วงที ในกรณีเกิดฝนตกหนักจนส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ให้เร่งระบายน้ำและประสานความร่วมมือให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนป้องกันและเตรียมความพร้อมรับมือ อาทิ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เตรียมความพร้อมปฏิบัติการฝนหลวง รองรับสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงหรือฝนตกต่ำกว่าค่าปกติ กรมส่งเสริมการเกษตร และสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน ถูกต้อง และบูรณาการร่วมกับกรมชลประทาน ให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้มีการปรับแผนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับสภาพอากาศและปริมาณน้ำ กรมปศุสัตว์ และกรมประมง วางแผนการอพยพสัตว์ รวมถึงเตรียมสถานที่รองรับ และคอกพักสัตว์เคลื่อนที่ ให้พร้อมใช้งานในกรณีฉุกเฉิน ตลอดจนให้ทุกหน่วยงานจัดเตรียมกำลังคน เครื่องจักรกล และเครื่องมือให้พร้อมใช้งานในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
นายอัครา กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้กำชับในที่ประชุมเพิ่มเติมโดยขอให้เน้นการทำงานเชิงบูรณาการ โดยให้กรมชลประทานและกรมพัฒนาที่ดิน เชื่อมโยงการทำงานร่วมกันในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและดิน โดยมุ่งเน้นให้เกิดการกระจายน้ำสู่พื้นที่การเกษตรอย่างทั่วถึง ทั้งในและนอกเขตชลประทาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอในทุกฤดู