กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำป่าสักว่า ปัจจุบัน (8 ต.ค.68) เขื่อนป่าสักชลสิทธ์ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 717 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 75% ของความจุอ่างฯ กรมชลประทาน ได้ทยอยปรับลดการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ลงในอัตราวันละ 50 ลบ.ม.ต่อวินาที จากอัตรา 300 ลบ.ม.ต่อวินาที เหลือในอัตรา 200 ลบ.ม.ต่อวินาที หลังปริมาณน้ำทางตอนบนของลุ่มน้ำป่าสัก มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนลดลง 1.40 - 1.60 เมตร ในขณะที่เขื่อนพระราม 6 ทยอยปรับลดการระบายน้ำในอัตราวันละ 50 ลบ.ม.ต่อวินาที จากอัตรา 416 ลบ.ม.ต่อวินที เหลือในอัตรา 250 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และช่วยลดภาระพื้นที่ด้านท้ายน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ตามข้อสั่งการของคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) และร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังคงติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักรและเครื่องมือประจำจุดเสี่ยง เร่งจัดเก็บวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ และบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาล