ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ และเยี่ยมชมการผ่าตัดทำหมันสุนัข - แมว อีกทั้งได้มอบถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ชุดเวชภัณฑ์ น้ำและยารักษาโรค จำนวน 700 ชุด เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทั้งด้านความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างเร่งด่วน โดยมี นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ สำนักงานเทศบาลคูคต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน จึงได้กำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์บริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยจะเร่งระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยามากขึ้นกว่าเดิม เพื่อลองรับน้ำฝนที่จะเข้ามาอีกระลอกได้ทันท่วงที เพื่อให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่รับผลกระทบน้อยที่สุด
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ได้เดินทางไปยังวัดลาดสนุ่น ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและรับฟังการบริหารจัดการน้ำโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ โดยกรมชลประทานได้รายงานสถานการณ์น้ำว่า ปัจจุบันสามารถระบายน้ำอย่างดี ส่งผลให้น้ำลดลงไป 40% แล้ว หากฝนไม่ตกในพื้นที่เพิ่มระดับน้ำจะเข้าสู่ปกติ อีกทั้งมอบถุงยังชีพ จำนวน 300 ชุด ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้บรรเทาความเดือดร้อนอีกด้วย
ทั้งนี้ จังหวัดปทุมธานี(ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ย. 68) จังหวัดปทุมธานีประสบอุทกภัยตั้งแต่วันที่ 7 - 28 กันยายน 2568 มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอุทกภัย ในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามโคก และอำเภอเมืองปทุมธานี รวม 22 ตำบล 65 หมู่บ้าน 10 ชุมชน 5,211 ครัวเรือน ประชาชน 14,595คน และมีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย 30.7275 ไร่ เป็นพืชไร่ พืชผักไม้ผลไม้ยืนต้น เกษตรกร 23 ราย
นอกจากนี้ จังหวัดปทุมธานีได้บูรณาการทุกภาคส่วน ได้แก่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานีกรมชลประทาน องค์การบริการส่วนจังหวัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ และภาคเอกชน ในการป้องกัน เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ทำแนวกั้นกระสอบทรายบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมรับมือตลอด 24 ชั่วโมงโดยขอให้ประชาชนติดตามข้อมูล ข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ความช่วยเหลือ มอบถุงยังชีพกระสอบทราย เรือพาย โฟมและสร้างสะพานไม้ นี้เพื่อความสะดวกในการดำรงชีพและสัญจรของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยต่อไป