"ร้อยเอก ธรรมนัส" มั่นใจ สถานการณ์น้ำคุมอยู่ เดินหน้าผันน้ำ 2 ฝั่งซ้ายขวา สั่งจับตาสถานการณ์น้ำเหนือ-เตรียมพร้อมรับมือฝนใต้ พร้อมเร่งบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชน
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำและติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยมี นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน และถ่ายทอดผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ รวมทั้งแนวทางการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ในปัจจุบัน
ร้อยเอก ธรรมนัส เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีน้ำไหลผ่าน 3,011 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก่อนจะไหลลงมาสมทบกับปริมาณน้ำที่มาจากแม่น้ำสะแกกรัง และไหลลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ตามลำดับ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานยังสามารถควบคุมได้ และยังมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันได้มีการวางแผนการบริหารจัดการน้ำโดยเร่งระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาออกทั้ง 2 ฝั่งซ้าย-ขวามาโดยตลอดอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงได้มีการปรับลดการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เหลือ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำนี้จะไหลผ่านเขื่อนพระรามหก และมีการรับน้ำเข้าคลองระพีพัฒน์ เพื่อลำเลียงน้ำลงสู่พื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง และเร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง และอ่าวไทยตามลำดับ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก รวมถึงช่วยบรรเทาและลดผลกระทบในพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะดำเนินการต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ และจะปรับลดอัตราลงตามสถานการณ์น้ำอย่างเหมาะสม ซึ่งตามรายงานพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ปริมาณฝนในภาคเหนือจะมีปริมาณลดลง และสถานการณ์น้ำทะเลหนุนจะดีขึ้น จึงได้สั่งการให้กรมชลประทานจัดเตรียมเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องสูบน้ำเพิ่ม เพื่อเร่งระบายน้ำบริเวณปลายลุ่มน้ำเจ้าพระยาออกสู่อ่าวไทย ทางจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดฉะเชิงเทราโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ จะมีการหารือร่วมกับกรุงเทพมหานครเพิ่มเติม เพื่อวางแผนแนวทางการระบายน้ำเข้าคลองของ กทม. ในอัตราที่เหมาะสม และจะไม่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างแน่นอน
"สำหรับข้อสังเกตในด้านการระบายน้ำออกทั้ง 2 ฝั่งซ้าย-ขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา ขอยืนยันว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน ได้มีการดำเนินการระบายน้ำทั้ง 2 ฝั่งมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันคลองส่งน้ำทั้ง 2 ฝั่งยังสามารถรับน้ำได้อยู่ และหลังจากนี้ในช่วงที่ปริมาณฝนลดลง สถานการณ์น้ำทะเลหนุนดีขึ้น ได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ำออกสู่อ่าวไทย รวมถึงได้มีการบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนในการควบคุมสถานการณ์ และดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ให้ดีที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนรับมือและเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย จากปริมาณฝนตกหนักสะสมในพื้นที่ภาคใต้เช่นกัน" ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว