นายจำนงค์ บุญเลิศ
18 มิ.ย. 2568
251
0
ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น ปี 2560
นายจำนงค์ บุญเลิศ
นายจำนงค์ บุญเลิศ

ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน สาขาปราชญ์เกษตรดีเด่น

ชื่อ-สกุล          นายจำนงค์ บุญเลิศ

อายุ               72 ปี

การศึกษา        ประถมศึกษาปีที่ 4

สถานภาพ        สมรส มีบุตร 1 คน ธิดา 1 คน

ที่อยู่              บ้านเลขที่ 732 บ้านป่ากว๋าว หมู่ที่ 14                          ตำบลเมืองพาน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย 57120

โทรศัพท์          081 881 8649

อาชีพ             ทำประมงน้ำจืด

รางวัล หรือประกาศเกียรติคุณที่ได้รับ

- รางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพเลี้ยงสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2538

- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด กรมประมง ปี 2551

- รางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด มูลนิธิสำนึกรักบ้านเกิด ปี 2551

- รางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาอาชีพเลี้ยงสัตว์ ระดับเขต กรมปศุสัตว์ ปี 2538

- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 การประกวดพ่อแม่ปลานิลพันธุ์ดี กรมประมง ปี 2550

- รางวัลชนะเลิศผู้นำอาชีพก้าวหน้า ระดับจังหวัด กระทรวงมหาดไทย ปี 2539

- รางวัลชนะเลิศผู้นำอาชีพก้าวหน้า ระดับจังหวัด กระทรวงมหาดไทย ปี 2538

- รางวัลปราชญ์ปลานิล ระดับจังหวัด กรมประมง ปี 2554

- รางวัลคนดีศรีเชียงราย ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น สาขาเกษตรกรรมและการทำมาหากิน  จังหวัดเชียงราย             ปี 2555

ชีวิตที่พอเพียง  

นายจำนงค์ บุญเลิศ เกษตรกรผู้ปรับเปลี่ยนการประกอบอาชีพจากการเลี้ยงหมูมาเพาะเลี้ยงปลา เนื่องจากเห็นว่าการเลี้ยงหมูมีต้นทุนสูงและส่งกลิ่นทำให้เกิดมลภาวะจึงหันมาทำการเพาะพันธุ์ปลานิลและเลี้ยงปลานิล        เป็นอาชีพหลัก โดยเข้ารับการฝึกอบรมจากส่วนราชการและสถาบันการศึกษาแล้วนำความรู้มาปฏิบัติใช้เวลา     ในการศึกษา ค้นคว้า สังเกตและคิดค้นเทคนิคในการเพาะพันธุ์ปลานิลที่ดีมีคุณภาพจนเกิดความเชี่ยวชาญ ขยายการดำเนินกิจกรรมการเพาะเลี้ยงปลานิลและกิจกรรมอื่น ๆ ในพื้นที่ 70 ไร่ ใช้แรงงานจากชาวบ้านในพื้นที่ สามารถเพาะพันธุ์ลูกปลานิลได้ปีละประมาณ 36 ล้านตัว ส่งขายทั้งในและต่างประเทศได้เฉลี่ยเดือนละ 3 ล้านตัว ผลิตปลานิลตัวใหญ่จำหน่ายได้มากถึงปีละ 50 ตัน และดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรอื่น ๆ เพื่อการบริโภคสำหรับครอบครัวตนเองและลูกจ้างในไร่นา เช่น ทำนาปลูกพืชผักต่าง ๆ ทำสวนป่า เพาะเลี้ยงปลาหมอไทย ปลาไหล ปลาคาร์ฟ กุ้งก้ามกราม กุ้งก้ามแดง กบ ตะพาบน้ำ เป็นต้น และยังยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต โดยมีความพอประมาณในการดำเนินกิจการตามความสามารถของตนเอง ไม่มากหรือน้อยเกินไป มีเหตุผลในการดำเนินกิจกรรมของตนเอง โดยการดำเนินชีวิตประจำวันแบบเรียบง่าย ไม่ถือตัวว่าเป็นนายจ้าง มีภูมิคุ้มกันที่ดี          โดยนอกจากการดำเนินการทำฟาร์มปลานิลแล้ว ยังมีการปลูกข้าวไว้สำหรับบริโภค เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันทางอาหารของตนเอง ครอบครัวและลูกจ้างในฟาร์มด้วย มีความรอบรู้ในการประกอบอาชีพของตนเป็นอย่างดี ดำเนินกิจกรรมอย่างรอบคอบ มีความระมัดระวัง ในการดำเนินชีวิตตลอดเวลา และมีคุณธรรมตามหลักศาสนาไม่ถือตนเองเป็นนายจ้าง ให้ความสนิทสนมกับลูกจ้างเสมือนญาติ เป็นที่ชื่นชอบของบุคคลรอบข้าง ยึดถือและปฏิบัติตามหลักคุณธรรมทางศาสนา

ผลงานสร้างคุณประโยชน์

นายจำนงค์ คิดค้นและสร้างสรรค์ผลงานรวมถึงการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาควบคู่กับการสังเกตเพื่อหาวิธีการเพาะพันธุ์ปลานิลให้ได้ลูกปลานิลที่ดีมีคุณภาพ สามารถลดต้นทุนการผลิต นำทรัพยากรมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ การสร้างเครื่องปรับอุณหภูมิในฤดูหนาวให้มีความเหมาะสมกับการเจริญเติบโตและการเพาะพันธุ์ปลา การสร้างสถานการณ์ฝนตกเลียนแบบธรรมชาติเพื่อหลอกปลานิลให้วางไข่ตลอดปี สร้างโถฟักไข่ปลาโดยใช้แรงดันน้ำให้เกิดการหมุนเวียนของไข่ปลาและแยกลูกปลาที่ฟักแล้ว ลดการสูญเสียจากการเติบโตตามธรรมชาติ การจัดการระบบน้ำด้วยวัสดุจากธรรมชาติ การผลิตอาหารเสริมโดยใช้พืชสมุนไพรและคิดค้นสูตรอาหารปลานิลเพื่อเพิ่มปริมาณของไข่ปลานิล ช่วยต้านทานโรคและลดกลิ่นโคลนในตัวปลา ประยุกต์ใช้อุปกรณ์คัดลูกปลานิลจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ผลงานที่สร้างสรรค์และคิดค้นทำให้สามารถทำการผลิตลูกปลานิลที่แข็งแรงมีคุณภาพ เพิ่มปริมาณการเพาะเลี้ยงปลานิล และยังมีการรวมกลุ่มดำเนินกิจกรรมเพื่อถ่ายทอดความรู้ ขยายพื้นที่การเพาะเลี้ยงปลานิล ช่วยแก้ไขปัญหาด้านราคาและปัจจัยการผลิตให้กับเกษตรกร     ผู้เพาะเลี้ยงปลานิลรวมทั้งยังทำการมอบพันธุ์ปลานิลและทุนอาหารกลางวันให้กับโรงเรียนต่าง ๆ

การขยายผลงาน

นายจำนงค์ ทำการถ่ายทอดผลงานที่คิดค้น สร้างสรรค์ให้กับเกษตรกร นักเรียน นักศึกษา โดยใช้พื้นที่ดำเนินกิจกรรมเป็นแหล่งเรียนรู้ ศึกษาดูงานและยังมีการฝึกงานให้กับนักศึกษาของสถาบันการศึกษา ทำการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงปลานิลแก่คนในชุมชน โดยเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มต่าง ๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาในการเพาะเลี้ยงปลาและสัตว์น้ำอื่น ๆ ยกระดับมาตรฐานการเพาะเลี้ยงปลานิลให้กับเกษตรกร และยังมีการเผยแพร่ผลงานผ่านสื่อและสิ่งตีพิมพ์จำนวนมากอีกด้วย

การสร้างกลุ่ม/เครือข่าย

นายจำนงค์ เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งชมรมปลาทอง ชมรมผู้เลี้ยงปลานิล ในอำเภอพาน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตปลานิล ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด ขยายการดำเนินกิจกรรมในรูปแบบสหกรณ์ 2 แห่ง วิสาหกิจชุมชน 7 แห่ง และกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลอีก 8 กลุ่ม ส่งผลให้เกิดการขยายพื้นที่การเลี้ยงปลานิล สามารถเพิ่มปริมาณและเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต รวมถึงแก้ไขปัญหาราคาปลาในตลาดและเข้าร่วมโครงการของภาครัฐในการลดราคาลูกพันธุ์ปลานิลในช่วงที่เกษตรกรประสบปัญหา และระบบการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (แปลงใหญ่ปลานิล) รวมถึงการมอบพันธุ์ปลานิลให้กับโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อให้โรงเรียนนำไปเลี้ยงไว้สำหรับเป็นอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียน  อย่างต่อเนื่อง

 

 

การสร้างสรรค์องค์ความรู้ที่โดดเด่น

การเพาะพันธุ์ปลานิล

โดยมีขั้นตอน ดังนี้

1) การจัดการแหล่งน้ำ

น้ำที่ใช้ในฟาร์มจะใช้น้ำบาดาลทั้งหมด โดยการสูบน้ำบาดาลมาพักในบ่อดิน ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วค่อยดึงขึ้นแท็งก์น้ำก่อนใช้ในฟาร์ม สาเหตุที่ใช้น้ำบาดาลเพราะสามารถป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรคและสารเคมีต่าง ๆ ที่ปะปนมากับน้ำได้

2) การจัดการพ่อแม่พันธุ์

สายพันธุ์ที่ใช้คือ จิตรดา 3 ซึ่งได้นำพันธุ์มาจากศูนย์วิจัยและทดสอบพันธุ์สัตว์น้ำปทุมธานีและมานิตฟาร์ม นำปลานิลทั้งสองแหล่ง แหล่งละ 8 ครอบครัว มาผสมพันธุ์ตามหลักพันธุศาสตร์ ในอัตราตัวผู้ 9 ตัว ต่อตัวเมีย 1 ตัว นำมาเลี้ยงในกระชังขนาด 1 ตารางเมตรลึก 0.9 เมตร ในบ่อดิน ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ในอัตรา 1% ซึ่งเป็นอาหารปลาดุกกลางโปรตีน 30% ในอาหารผสมน้ำหมักมะขามป้อมและน้ำมะขามเปียกให้ทุกวัน เมื่อได้ลูกรุ่นที่ 1 คัดลูกปลาที่โตเร็วที่สุดเป็นพ่อ-แม่ จำนวน 50 % ของแต่ละครอบครัว แล้วนำมาผสมพันธุ์ในอัตรา 9 : 1 กับครอบครัวอื่นจะได้ลูกรุ่นที่ 2 คัดตัวที่โตเร็ว 50%  นำไปผสมพันธุ์ในอัตรา 9 : 1 กับครอบครัวอื่น ได้ลูกรุ่นที่ 3 ซึ่งรุ่นนี้จะใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์เพื่อผลิตลูกปลารุ่นที่ 4 จำหน่าย

การเลือกใช้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ 

นำลูกพันธุ์ที่ได้จากการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยฯ มาเลี้ยงประมาณ 5-6 เดือน แล้วคัดเลือกตัวที่โตเร็วที่สุดของแต่ละครอบครัวมาใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ ซึ่งการใช้พ่อแม่พันธุ์นี้ จะอยู่ในช่วงอายุ 6-14 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นจะเปลี่ยนพ่อแม่พันธุ์ชุดใหม่ เนื่องจากว่าช่วงอายุดังกล่าวเป็นช่วงที่ปลามีการเจริญพันธุ์ดีที่สุด จากการทดลอง  แม่พันธุ์ที่อยู่ในช่วงอายุนี้จะให้ไข่ประมาณ 1,000 - 1,800 ฟอง/ตัว/รอบ

การเลี้ยงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์

การเตรียมบ่อ เตรียมบ่อปูนขนาดต่างๆ พื้นบ่อต้องมีความลาดเอียง 30 องศา ล้างทำความสะอาดแล้วเติมน้ำในบ่อประมาณ 20- 30 เซนติเมตร หลังจากนั้นนำปลามาปล่อยในอัตราส่วน ตัวเมีย 2 ตัว ต่อ ตัวผู้ 1 ตัว ในพื้นที่ 1 ตารางเมตร เปิดสปริงเกอร์พ่นน้ำไปเรื่อยๆ ให้ระดับน้ำสูงเพียง 80 เซนติเมตร

การให้อาหาร  ใช้อาหารปลาดุกกลางโปรตีน 30 %  ผสมน้ำหมักมะขามป้อมและน้ำมะขามเปียก (ผสมให้ทุกวัน) ให้ 2 เวลา เช้า และ เย็น ในปริมาณ 1 % ของน้ำหนักตัว/วัน

3) ระบบเพาะฟักไข่

ระบบน้ำของการเพาะฟักไข่ปลานิลจะเป็นระบบปิด ซึ่งน้ำที่ผ่านการใช้แล้วจะนำไปสู่ระบบกรองจากชั้นหินขนาดต่าง ๆ และถ่านเพื่อดูดซับแอมโมเนียที่เกิดจากการฟักไข่ น้ำที่ผ่านระบบกรองแล้วจะไหลไปบ่อพักน้ำเพื่อเตรียมเข้าสู่ระบบเพาะฟักต่อไป ในช่วงฤดูหนาวน้ำที่กรองแล้วจะต้องผ่านเครื่องต้มน้ำก่อนเข้าสู่บ่อพัก เพื่อรักษาอุณหภูมิของน้ำให้อยู่ในช่วง 25-29 องศา ซึ่งจะมีผลต่อการฟักไข่ของปลา ถ้าอุณหภูมิต่ำจะทำให้อัตราการฟักน้อย

ระบบการฟักไข่ปลา ไข่ปลานิลที่ได้จากการเคาะปากทุกๆ 7 วัน แต่ในช่วงฤดูหนาวจะเคาะทุก 9 วัน    นำไข่ที่ได้มาล้างด่างทับทิม ก่อนเข้าสู่ระบบฟัก จากนั้นนำไข่ไปฟักในกรวยฟักไข่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. สูง 30 ซม.บรรจุไข่ได้ ประมาณ 5,000 - 30,000 ฟอง หลังจากที่ลูกปลาฟักออกจากไข่จะไหลออกทางรู ที่เจาะไว้โดยมีถาดขนาด ยาว 40 ซม. กว้าง 25 ซม. สูง 7 ซม.  รองไว้ จากนั้นจะนำลูกปลาที่ได้ไปอนุบาลในถาดประมาณ 3,000 ตัวต่อถาด หมั่นดูแลทำความสะอาดโดยใช้แปรงสีฟันเก่าขัดบริเวณรูระบายน้ำเพื่อให้น้ำมีการถ่ายเทดี และหมั่นเอาลูกปลาที่ตายออก รอจนถุงไข่แดงยุบ แล้วจึงนำปลาไปสู่ขั้นตอนการแปลงเพศ โดยนำลูกปลาแช่ฮอร์โมน ๑๗- α– methyl testosterone ที่ความเข้มข้น ๖๐ มิลลิกรัม ในน้ำ ๒ ลิตร ต่อลูกปลา ๑๐,๐๐๐ ตัว  ในถุงปลาที่อัดออกซิเจน แช่นาน ๒ ชั่วโมง จากนั้นนำลูกปลาไปปล่อยในบ่อปูนซีเมนต์ที่ทำความสะอาดแล้ว ขนาดบ่อ กว้าง ๒.๕ เมตร ยาว ๓ เมตร สูง ๑ เมตร จำนวน ๓๐,๐๐๐ ตัว ระดับน้ำ ๓๐ – ๖๐ เซนติเมตร อุณหภูมิ ๒๕ – ๓๐ องศา (บ่อควรจะมีทางน้ำล้นและมีการพ่นน้ำอยู่ตลอดเวลาเพื่อเป็นการเพิ่มออกซิเจนและลดพิษแอมโมเนีย) เมื่อนำปลาลงบ่อแล้วให้อาหารที่ผสมฮอร์โมน โดยใช้อาหารกุ้งผงผสม ๑๗- α– methyl testosterone ๖๐ มิลลิกรัมต่ออาหาร    ๑ กิโลกรัม ให้วันละ ๖ มื้อ ปริมาณอาหารที่ให้ ๑๙๐ กรัม ต่อวัน ต่อลูกปลา ๑๐,๐๐๐ ตัว เป็นเวลา ๒๑ วัน แล้วจึงจับขาย ขนาด ๒-๓ เซนติเมตร ขายราคาตัวละ ๒๕ สตางค์

4) การเพาะฟักไข่ในช่วงฤดูหนาว   

ในช่วงฤดูหนาวของภาคเหนือจะมีอุณหภูมิอยู่ในช่วงระหว่าง 10 – 22 องศา ซึ่งมีผลต่อการเพาะฟักไข่ของปลานิลทำให้มีอัตราฟักที่ต่ำ ดังนั้นจึงต้องควบคุมอุณหภูมิ โรงเพาะฟักมีการปิดอย่างมิดชิดเพื่อป้องกันลมและรักษาอุณหภูมิของห้องให้อยู่ที่ 30 องศา และนำน้ำในระบบเพาะฟักที่ผ่านการกรองแล้วมาเข้าเครื่องต้มน้ำที่ใช้น้ำมันเครื่องเป็นเชื้อเพลง โดยมีหลักการทำงาน คือ ให้น้ำมันเครื่องหยดลงในเตาที่มีกาบมะพร้าวเป็นตัวเผาไหม้  ทีละหยดแล้วใช้เครื่องเป่าลมเป่าเข้าไปในเตาเผา เมื่อมีลมมากจะทำให้น้ำมันเครื่องติดไฟได้ง่ายและให้ความร้อนสูง ลมร้อนที่ได้จากการเผาไหม้จะไปผ่านท่อเหล็กที่ขดเป็นรูปตัวเอส และมีน้ำจากระบบเพาะฟักไหลเวียนอยู่ภายใน   ทำให้อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น และส่งผ่านน้ำที่ได้เข้าบ่อฟักน้ำของระบบเพาะฟักต่อไป ซึ่งอุณหภูมิของน้ำที่ได้       อยู่ที่ 27-28 องศา

5) การใช้น้ำหมักมะขามป้อมและน้ำมะขามเปียกในการเสริมวิตามินให้พ่อแม่พันธุ์

มะขามป้อม ทำให้พ่อแม่พันธุ์แข็งแรงมีภูมิต้านทานโรค มีปริมาณไข่มาก ไข่ไม่เสียมาก ลูกที่ได้มีอัตราการรอดสูงและแข็งแรง นอกจากนี้ในมะขามป้อมยังมีสารแทนนิน ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอีกด้วย 

          ขั้นตอน การหมักน้ำมะขามป้อม

1. นำมะขามป้อมมาล้างให้สะอาด จำนวน 10 กิโลกรัม ลงในถังหมัก ขนาด 20 ลิตร

2. เติมน้ำเปล่าลงในถัง จำนวน 12 ลิตร

3. ใส่น้ำตาลทรายแดง จำนวน 2 กิโลกรัม

4. คนจนน้ำตาลละลายหมด ปิดฝาหมักทิ้งไว้ประมาณ 3-6 เดือน จึงนำมาใช้ได้

          วิธีการใช้

1. นำน้ำหมักที่ได้ปริมาณ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร (cc) ต่อน้ำ 1 ลิตร คนให้เข้ากัน

2. นำไปคลุกเคล้ากับอาหาร 10 กิโลกรัม ผึ่งลมให้แห้งแล้วจึงนำไปให้ปลา ผสมให้กินทุกมื้อ

มะขามเปียก มีวิตามินซี สูง มีสรรพคุณเป็นยาระบาย เมื่อนำมาผสมให้ปลากินจะทำให้ปลามีระบบขับถ่ายที่ดี เจริญอาหาร มีสุขภาพแข็งแรง

          ขั้นตอนและวิธีการใช้

1. นำมะขามสุกที่แกะเอาเปลือกและเมล็ดออกแล้ว (มะขามเปียก) จำนวน 200 กรัม มาคั้น กับน้ำเปล่า 1 ลิตร

2. เมื่อได้น้ำมะขามเปียกแล้วนำไปผสมกับอาหาร 10 กิโลกรัม นำไปผึ่งลมให้แห้ง แล้วจึงนำไปให้ปลากิน

 

หมายเหตุ: อาจใช้ทั้ง 2 ชนิดผสมกันในอัตราเดิม ในน้ำ 1 ลิตร ผสมอาหาร 10 กิโลกรัม 

ตกลง